
ในพื้นที่ชายขอบของอำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ มีศูนย์การเรียนรู้เล็กๆ แห่งหนึ่งที่กำลังสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างให้กับระบบการศึกษาไทยอย่างเงียบๆ ศูนย์การเรียนไร่ส้มวิทยา ไม่ได้เป็นเพียงโรงเรียนทางเลือกสำหรับเด็กกลุ่มเปราะบางเท่านั้น แต่ยังเป็น “พื้นที่ปลอดภัย” ที่เด็กๆ ลูกหลานแรงงานข้ามชาติสามารถเติบโตได้อย่างมีศักดิ์ศรี ภายใต้บริบทของชีวิตจริงที่เต็มไปด้วยข้อจำกัด
การศึกษาที่ตอบโจทย์ชีวิตจริง
ศูนย์การเรียนไร่ส้มวิทยา ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลแม่ข่า อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ เปิดดำเนินงานมากว่า 6 ปี โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ “การทำให้การศึกษาเข้าถึงได้สำหรับเด็กทุกคน” โดยเฉพาะเด็กที่อยู่นอกระบบการศึกษา เนื่องจากไม่มีสถานะบุคคล เป็นลูกหลานของแรงงานข้ามชาติ หรือเผชิญปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ
ศูนย์ฯ ดำเนินการภายใต้แนวคิด “ผสมผสานการศึกษานอกระบบและตามอัธยาศัย” มุ่งเน้นทักษะชีวิตเป็นหลัก ปัจจุบันมีชมรมให้เด็กเลือกเรียนมากถึง 5 ชมรม เช่น การทำขนมจากผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นอย่างแยมส้ม เค้กส้ม หรือขนมปังส้ม ไปจนถึงกิจกรรมการเรียนรู้แบบลงมือทำ อย่างการเปิดตลาดนัดไร่ส้ม ซึ่งเชื่อมโยงกับวิถีชีวิตและเศรษฐกิจของพื้นที่โดยตรง
“ถ้าเด็กไม่สามารถเข้าถึงการศึกษาขั้นพื้นฐานได้
— วีระ อยู่รัมย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเรียนไร่ส้มวิทยา
เด็กก็จะถูกส่งมอบ ‘ความยากจน’ เป็นมรดกจากรุ่นสู่รุ่น”
ทลายกรอบการศึกษา สู่การเรียนรู้ที่เท่าเทียม

ศูนย์การเรียนไร่ส้มวิทยามุ่งเน้นให้เด็กเรียนรู้จากสิ่งรอบตัว โดยเปิดโอกาสให้ออกนอกห้องเรียนได้เสมอ บริเวณรอบศูนย์ฯ มีทุ่งนา แปลงผัก และพื้นที่เกษตรกรรมที่สามารถใช้ในการเรียนรู้แบบลงมือทำ เด็กสามารถนั่งเรียนหรือนอนเรียนได้ตามอัธยาศัย ภายใต้การออกแบบกิจกรรมที่ยึดโยงกับชีวิตจริง
“เมื่อเราอยู่กับเด็ก เราเห็นศักยภาพของเขา”
— อาภัสรา สุวรรณคาม ครูผู้สอนชั้นประถมศึกษาที่ 1 ศูนย์การเรียนไร่ส้มวิทยา
ด้วยแนวทางการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น ศูนย์การเรียนไร่ส้มวิทยาจึงสามารถรับมือกับเด็กที่มีอายุ
และระดับการศึกษาต่างกันในห้องเดียวกันได้โดยใช้หลักสูตรที่ปรับตามความสามารถแทน ที่จะใช้เกณฑ์อายุเป็นตัวกำหนด เด็กที่มาเรียนที่ศูนย์ฯ ส่วนใหญ่เป็นลูกหลานแรงงานเคลื่อนย้าย ทั้งในระบบและนอกระบบ บางคนไม่มีเอกสารประจำตัว บางคนต้องดูแลน้องระหว่างวัน ศูนย์ฯ จึงอนุญาตให้พาน้องมาเรียนด้วย และเมื่อเด็กต้องย้ายตามครอบครัวไปในจังหวัดอื่น ครูจะช่วยประสานงานให้เด็กสามารถเข้าเรียนต่อในพื้นที่ใหม่ได้ทันที เพื่อไม่ให้เด็กหลุดจากระบบการศึกษา
ความหลากหลายนี้ยังรวมถึงเรื่องภาษา เด็กหลายคนพูดภาษาไทยไม่ได้ เพราะภาษาแม่ของพวกเขาคือภาษาไทใหญ่หรือภาษาเมียนมา ครูจึงต้องออกแบบการเรียนภาษาไทยที่เหมาะสมกับเด็กแต่ละช่วงวัย ซึ่งถือเป็นความท้าทายที่ต้องอาศัยความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
ความคืบหน้าและความสำเร็จของโครงการร่วมกับศูนย์การเรียนไร่ส้มวิทยา

โครงการสร้างเสริมสุขภาวะและหนุนเสริมการเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานของเด็กและเยาวชนชาติพันธุ์ที่มีภาวะเปราะบางจังด้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและมุ่งหวังให้เกิดความยั่งยืนในระยะยาว หนึ่งในกิจกรรมหลักที่เราได้ร่วมกันพัฒนาคือ “ตลาดนัดไร่ส้ม”ซึ่งนับเป็นโมเดลความสำเร็จที่สามารถสร้างรายได้และสนับสนุนค่าใช้จ่ายของศูนย์การเรียนในด้านต่าง ๆ ได้อย่างแท้จริง
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ค่ายพัฒนาทักษะชีวิตและอาชีพที่มูลนิธิกังหันลมจัดขึ้น นอกจากจะเป็นเวทีให้เด็กได้เรียนรู้และลงมือทำแล้ว ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นยังส่งผลต่อเนื่องในด้านความยั่งยืนของศูนย์การเรียน โดยเฉพาะในเรื่องของการสร้างรายได้จากกิจกรรมตลาดนัด ซึ่งมีส่วนช่วยให้ค่าใช้จ่ายรายเดือนสำหรับอาหารกลางวันของเด็ก ๆ ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้อยู่ที่ประมาณเดือนละ 60,000-80,000 บาท ซึ่งเป็นงบประมาณที่สูง หากไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
ตลาดนัดไร่ส้ม: โมเดลสร้างรายได้ที่เป็นจริงและยั่งยืน
ความสำเร็จของโมเดลตลาดนัดไร่ส้มไม่ได้เป็นแค่เพียงกิจกรรมชั่วคราว แต่กลายเป็นแนวทางที่สามารถสร้างรายได้อย่างยั่งยืน ซึ่งนำไปสู่การสนับสนุนค่าใช้จ่ายของศูนย์การเรียนอย่างต่อเนื่อง โดยรายได้จากการขายสินค้าของเด็ก ๆ ในตลาดนัดสามารถนำมาร่วมกันอุดหนุนค่าอาหารกลางวันที่ศูนย์ฯ ได้อย่างเต็มรูปแบบ ช่วยลดภาระของงบประมาณในส่วนนี้ลงได้อย่างมาก
นอกจากนี้ โครงการนี้ยังเป็นพื้นที่ที่เด็ก ๆ ได้ฝึกทักษะด้านการวางแผน การบริหารจัดการ การพูดคุยและการขาย ซึ่งเป็นบทเรียนที่สำคัญต่อการพัฒนาศักยภาพในระยะยาว และเป็นโอกาสที่เด็กได้ใช้สิทธิของตนเองในการออกแบบกิจกรรมและตัดสินใจในสิ่งที่ทำอย่างเต็มใจ
ความยั่งยืนในบริบทของการเรียนรู้และชุมชน
มูลนิธิกังหันลมมุ่งหวังให้โมเดลนี้กลายเป็นต้นแบบที่ชุมชนสามารถนำไปปรับใช้และขยายผลต่อไปในอนาคต เพื่อให้ความรู้และทักษะไม่หายไป หรือมีประโยชน์แค่ในช่วงเวลาสั้น ๆ แต่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงในชีวิตของเด็กและชุมชนอย่างแท้จริง
ในฐานะมูลนิธิกังหันลม เรายังคงสนับสนุนและร่วมมือกับศูนย์การเรียนไร่ส้มอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าโครงการนี้จะสามารถดำเนินไปได้อย่างมั่นคงและสร้างผลกระทบในระยะยาวต่อชุมชนและเด็ก ๆ ที่เปราะบางในพื้นที่