
“สิทธิเด็ก”
คือ เรื่องสำคัญที่สังคมต้องร่วมกันดูแลและส่งเสริมให้เกิดขึ้นอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่การ “ห้ามทำร้าย” แต่คือการรับรองให้เด็กทุกคนได้มีชีวิตที่ปลอดภัย มีสุขภาพดี เติบโตและพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพอย่างเท่าเทียม
ในประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชนชาติพันธุ์ที่มีภาวะเปราะบาง เช่น เด็กไร้รัฐ ไร้สัญชาติ หรือเด็กที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ภูเขา หรือชุมชนชายขอบ สิทธิเหล่านี้ยังไม่เป็นจริงเสมอไป พวกเขายังคงเผชิญกับปัญหาความไม่เท่าเทียมและการถูกละเมิดสิทธิอย่างซ้ำซาก
บทความนี้จึงมุ่งให้ความรู้ในเชิงลึกเกี่ยวกับสิทธิเด็ก โดยอิงจากหลักการอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กของสหประชาชาติและบริบทของประเทศไทย เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงบทบาทและความสำคัญในการส่งเสริมสิทธิและสุขภาวะของเด็กอย่างทั่วถึง
1. ความหมายและหลักการของสิทธิเด็ก
1.1 อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (CRC)
อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก หรือ Convention on the Rights of the Child (CRC) เป็นข้อตกลงระหว่างประเทศที่กำหนดสิทธิขั้นพื้นฐานของเด็กไว้อย่างชัดเจนและครอบคลุม โดยมีหลักการสำคัญ 4 ประการที่ถือเป็นหัวใจของสิทธิเด็ก ได้แก่

เด็กทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับการดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสม เช่น การได้รับวัคซีน การเข้าถึงโภชนาการที่ดี และการศึกษาอย่างเต็มที่ เพื่อให้เติบโตอย่างสมบูรณ์ทั้งทางร่างกายและจิตใจ

เด็กต้องได้รับการคุ้มครองจากความรุนแรงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการทำร้ายร่างกาย การทารุณกรรม การล่วงละเมิดทางเพศ การใช้แรงงานเด็ก หรือการค้ามนุษย์

เด็กมีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นและมีส่วนร่วมในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตนเองตามวัยและความสามารถ และผู้ใหญ่ต้องให้ความสำคัญและรับฟังเสียงนั้นอย่างจริงจัง

สิทธิที่จะได้รับการสนับสนุนด้านการศึกษาตามมาตรฐานทุกรูปแบบ การส่งเสริมเสริมพัฒนาการทั้งด้านร่างกายและจิตใจ รวมถึงโอกาสในการเติบโตอย่างสามารถพึ่งพาตนเองได้
2. ภาพรวมสถานการณ์สิทธิเด็กในประเทศไทย
แม้ประเทศไทยจะให้สัตยาบันอนุสัญญาฯ นี้ตั้งแต่ปี 2535 แต่ในทางปฏิบัติ ยังมีเด็กจำนวนมากที่ไม่ได้รับสิทธิที่พึงมี โดยเฉพาะกลุ่มเด็กชาติพันธุ์และเด็กไร้รัฐ/ไร้สัญชาติ
2.1 เด็กไร้รัฐและไร้สัญชาติ — ความเปราะบางซ่อนเร้นที่มากกว่าที่คิด
เด็กที่ไม่มีสถานะทางกฎหมายหรือไม่มีบัตรประชาชนไม่สามารถเข้าถึงระบบบริการพื้นฐานของรัฐ เช่น การศึกษาและการรักษาพยาบาล สิ่งนี้นำไปสู่ความเสี่ยงต่อความยากจน การถูกล่วงละเมิด และการขาดโอกาสทางสังคมและเศรษฐกิจในระยะยาว
2.2 ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการศึกษา
เด็กชาติพันธุ์ในพื้นที่ห่างไกลส่วนใหญ่ยังคงประสบปัญหาการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ เนื่องจากข้อจำกัดทางภาษา ความไม่พร้อมของสถานศึกษา และความไม่เข้าใจในวัฒนธรรมของเด็กในชุมชน
2.3 การถูกละเมิดและความรุนแรงที่เกิดขึ้นในหลายมิติ
ข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบว่า เด็กในกลุ่มเปราะบางมักเผชิญกับความรุนแรงทั้งในครอบครัว โรงเรียน และชุมชน โดยเฉพาะความรุนแรงที่ถูกซ่อนไว้หรือถูกมองข้าม
กรณีศึกษาจากโครงการสร้างเสริมสุขภาวะและหนุนเสริมการเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานของเด็กและเยาวชนชาติพันธุ์ที่มีภาวะเปราะบาง (Ethic Youth Employment) โดยมูลนิธิกังหันลม
เพื่อยกระดับความรู้และเสริมสร้างศักยภาพให้เด็กและเยาวชนชาติพันธุ์ในพื้นที่เชียงใหม่ มูลนิธิกังหันลมได้จัดค่าย “สอนสิทธิเด็ก” โดยให้ความรู้และฝึกทักษะในการรู้จักสิทธิของตนเอง รวมทั้งส่งเสริมการดูแลรักษาร่างกายอย่างเหมาะสมและมีคุณค่า
กิจกรรมประกอบด้วย
- การเรียนรู้ผ่านการวาดภาพและเล่นบทบาทสมมุติ
- การเปิดพื้นที่พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
- การสร้างเครือข่ายเยาวชนเพื่อการดูแลและสนับสนุนกันเองในชุมชน
ค่ายนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการทำงานเชิงรุกที่ช่วยให้เด็กได้เห็นคุณค่าในตนเองและได้รับการสนับสนุนที่จำเป็น

สิทธิเด็กเป็นหัวใจสำคัญของสังคมที่เท่าเทียมและมีความเป็นธรรม เด็กทุกคนควรได้รับการปกป้องและส่งเสริมเพื่อให้เติบโตอย่างมีศักดิ์ศรีและมีคุณภาพชีวิตที่ดี เราทุกคนในฐานะผู้ใหญ่ ครู และคนทำงานสังคม มีบทบาทสำคัญในการรับฟัง ปกป้อง และส่งเสริมสิทธิเด็กอย่างจริงจัง การเดินหน้าสร้างเสริมสุขภาวะและการเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานสำหรับเด็กและเยาวชนชาติพันธุ์ที่มีภาวะเปราะบางเป็นความรับผิดชอบร่วมกันที่ไม่อาจมองข้ามได้