
“ไทใหญ่” หรือที่เรียกตัวเองว่า “ไตใหญ่” หรือ “ไต” เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีรากเหง้าลึกซึ้งในแถบลุ่มน้ำสาละวิน ตั้งถิ่นฐานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่ทางเหนือของเวียดนาม ตอนใต้ของจีน ลาว พม่า และจนถึงแคว้นอัสสัมของอินเดีย
ชาวไทใหญ่ในประเทศไทยอาศัยอยู่ร่วมกับดินแดนล้านนาอย่างแยกไม่ออก สภาพภูมิประเทศที่เป็นดินแดนชายแดนเหนือ เช่น เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย และโดยเฉพาะในอำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศูนย์การเรียนไร่ส้มวิทยาอยู่ในความดูแลของมูลนิธิกระจกเงา
ช่วงเวลาความไม่สงบและวิกฤตการณ์ภายในเมียนมา ทำให้มีชาวไทใหญ่อพยพเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น บ้างหนีภัยสงคราม บ้างเข้ามาทำงานในภาค 3D (งานที่สกปรก อันตราย และยากลำบาก) เพื่อสร้างชีวิตใหม่
มูลนิธิกังหันลมผ่านโครงการสร้างเสริมสุขภาวะและหนุนเสริมการเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานของเด็กและเยาวชนชาติพันธุ์ที่มีภาวะเปราะบาง (Ethnic Youth Empowerment) ทำงานร่วมกับเด็กและเยาวชนไทใหญ่ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ภาษา วัฒนธรรม และสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างเท่าเทียม
ไทใหญ่กับความเชื่อมโยงทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม
กลุ่มไทใหญ่มีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันยาวนาน ผูกพันกับลุ่มน้ำสาละวินที่ไหลผ่านพื้นที่สำคัญของหลายประเทศในภูมิภาค วัฒนธรรมไทใหญ่เป็นส่วนหนึ่งที่เชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์ล้านนา อันส่งผลถึงรูปแบบการดำรงชีวิต ภาษา และประเพณีต่าง ๆ
วิถีชีวิตของชาวไทใหญ่ในประเทศไทยผสมผสานกับวิถีท้องถิ่นล้านนา แต่ยังคงรักษาอัตลักษณ์ของตนเอง ทั้งภาษา การแต่งกาย และประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์
ความท้าทายด้านสิทธิขั้นพื้นฐานของเด็กและเยาวชนไทใหญ่

แม้ชาวไทใหญ่จะอาศัยอยู่ในประเทศไทยมายาวนาน แต่เด็กและเยาวชนไทใหญ่มากมายยังประสบปัญหาเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างเท่าเทียม โดยเฉพาะ “สิทธิในการศึกษา” และ “การเข้าถึงบริการสาธารณสุข”
งาน 3D กับชีวิตครอบครัว
ในพื้นที่ชายขอบของหลายจังหวัดในประเทศไทย เช่น เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน และตาก ภาพที่ปรากฏเป็นประจำ คือครอบครัวแรงงานข้ามชาติที่อาศัยอยู่ในแคมป์คนงานก่อสร้าง ตามโรงเก็บผลไม้ หรือในชุมชนรอบๆ พื้นที่เกษตรกรรมขนาดใหญ่
แรงงานจำนวนมากเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ไทใหญ่ หรือแรงงานจากเมียนมา ทำงานในภาคส่วนที่เรียกว่า “งาน 3D” – Dirty, Dangerous, and Difficult หรือ งานที่สกปรก อันตราย และยากลำบาก งานเหล่านี้คือแรงขับเคลื่อนสำคัญของภาคเศรษฐกิจ แต่เบื้องหลังของการเติบโต กลับมีเด็กจำนวนไม่น้อยที่เติบโตมากับความไม่มั่นคงในชีวิต
แม้หลายครอบครัวจะอาศัยอยู่ในประเทศไทยมาหลายรุ่น แต่เด็กจำนวนมากยังเข้าไม่ถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน โดยเฉพาะสิทธิด้านการศึกษาและสุขภาพ แม้ภาครัฐจะมีมาตรการรองรับ เช่น โรงเรียนที่รับเด็กไร้สัญชาติ หรือระบบประกันสุขภาพสำหรับแรงงานข้ามชาติ แต่ในทางปฏิบัติ กลับเต็มไปด้วยเงื่อนไขที่ซับซ้อน เช่น การไม่มีเอกสารประจำตัว การโยกย้ายถิ่นฐานบ่อยครั้ง และค่าใช้จ่ายแฝง
ในหลายกรณี เด็กไม่ได้เพียงแค่ “อยู่” กับครอบครัวที่ทำงานในสวนส้มหรือแคมป์คนงาน แต่ต้อง “ใช้ชีวิต” อยู่ในพื้นที่ทำงานเหล่านั้นด้วย และเติบโตท่ามกลางสารเคมี เครื่องจักร หรือสภาพความเป็นอยู่ที่ไม่ปลอดภัย
สิทธิในการศึกษา: รากฐานที่สำคัญสำหรับทุกคน
อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (CRC) ระบุชัดเจนว่าเด็กทุกคนมีสิทธิได้รับการศึกษาโดยเท่าเทียม ไม่ว่าพวกเขาจะมีเชื้อชาติ สัญชาติ หรือสถานะใดก็ตาม
ศูนย์การเรียนไร่ส้มวิทยา ภายใต้การดูแลของมูลนิธิกระจกเงา คือหนึ่งในพื้นที่เล็ก ๆ ที่คอยประคับประคองความหวังนี้ โดยเปิดห้องเรียนให้เด็กได้เรียนรู้ภาษาไทย ฝึกทักษะชีวิต ทักษะอาชีพ และรู้จักสิทธิของตนเอง
การศึกษาไม่ใช่เพียงแค่การเรียนหนังสือ แต่เป็นรากฐานของชีวิตที่เด็กทุกคนควรได้รับ เพื่อให้มีโอกาสเติบโต ฝัน และกำหนดอนาคตของตนเองอย่างเท่าเทียม
เด็กไร้รัฐ: ความจริงที่ถูกมองข้าม
ในประเทศไทยมีเด็กไร้รัฐนับหมื่นคน ส่วนใหญ่เป็นเด็กจากกลุ่มชาติพันธุ์ที่เกิดในพื้นที่ห่างไกล หรือในครอบครัวที่ไม่มีเอกสารยืนยันสถานะ เด็กเหล่านี้เติบโตขึ้นโดยไร้ตัวตนในระบบ
พวกเขาไม่ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐาน เช่น การรักษาพยาบาล สวัสดิการ ความคุ้มครองทางกฎหมาย และแน่นอน การศึกษา
แม้รัฐไทยจะมีนโยบายรับรองสิทธิเด็กทุกคนในการเรียนหนังสือ แต่เด็กจำนวนมากถูกปฏิเสธตั้งแต่หน้าประตูโรงเรียน ด้วยเหตุผลที่ซับซ้อน เช่น ขาดเอกสาร ขาดความเข้าใจ และขาดผู้ช่วยประสานงาน
ซึ่งความท้าทายด้านสิทธิขั้นพื้นฐานของเด็กและเยาวชนไทใหญ่ ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ในหลายพื้นที่ เช่น การเข้าถึงการศึกษาที่เท่าเทียม และบริการด้านสาธารณสุข ซึ่งเป็นเรื่องที่โครงการสร้างเสริมสุขภาวะและหนุนเสริมการเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานของเด็กและเยาวชนชาติพันธุ์ที่มีภาวะเปราะบาง ของมูลนิธิกังหันลมให้ความสนใจอย่างจริงจัง เพื่อสร้างโอกาสและความเสมอภาคให้กับเด็กกลุ่มนี้มากขึ้น
โครงการสร้างเสริมสุขภาวะและหนุนเสริมการเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน (Ethnic Youth Empowerment)
มูลนิธิกังหันลมดำเนินโครงการสร้างเสริมสุขภาวะและสนับสนุนการเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน ภายใต้ชื่อโครงการ Ethnic Youth Empowerment โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนกลุ่มชาติพันธุ์ โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่ในภาวะเปราะบาง ได้รับสิทธิที่เท่าเทียมในด้านการศึกษา การดูแลสุขภาพ และการส่งเสริมอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของตนอย่างเต็มศักยภาพ
ความร่วมมือระหว่างมูลนิธิกังหันลมและศูนย์การเรียนไร่ส้มวิทยา เป็นส่วนสำคัญของการดำเนินโครงการ โดยศูนย์การเรียนไร่ส้มวิทยาเป็นพื้นที่การศึกษาที่มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพของเด็กและเยาวชนชาติพันธุ์ในพื้นที่ชนบท โครงการให้ความสำคัญกับการสร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับการเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมให้เด็กมีความเข้าใจในสิทธิขั้นพื้นฐานของตน และเกิดความภาคภูมิใจในรากเหง้าและวัฒนธรรมท้องถิ่น
กิจกรรมเด่นของโครงการ คือ “ตลาดนัดไร่ส้มพรีเมียม” ซึ่งจัดเป็นพื้นที่ทดลองการเรียนรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติจริง เด็กและเยาวชนได้ฝึกคิด วิเคราะห์ และวางแผนการขายสินค้า เรียนรู้กระบวนการคิดต้นทุน การกำหนดราคาขาย การคำนวณกำไร ตลอดจนการสื่อสารและการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนในชุมชน
เป้าหมายของโครงการนี้ ไม่ได้จำกัดเพียงการมอบความรู้หรือทักษะทางอาชีพเท่านั้น แต่ยังมุ่งหวังให้เด็กและเยาวชนได้ค้นพบศักยภาพของตนเอง เห็นคุณค่าในตัวเอง และกล้าที่จะฝันถึงชีวิตที่มีคุณภาพในแบบที่พวกเขาเลือกเอง
การทำงานของศูนย์การเรียนไร่ส้มวิทยา เป็นตัวอย่างของการศึกษาเพื่อความเสมอภาคอย่างแท้จริง
ไม่ใช่แค่เปิดห้องเรียน แต่เป็นการเปิดชีวิตใหม่ให้กับเด็กๆ ที่ถูกมองข้าม
ในวันที่ระบบใหญ่ยังไม่สามารถดูแลเด็กทุกคนได้ ศูนย์เล็กๆ อย่างไร่ส้มวิทยา กลับแสดงให้เห็นว่า “การศึกษาเพื่อชีวิต” ยังเป็นไปได้ หากเราร่วมมือกันสร้างระบบที่ตอบโจทย์มนุษย์ ไม่ใช่แค่ตัวเลขหรือใบวุฒิ